รีวิวบุหรี่ไฟฟ้า Caliburn G2
ตัวสินค้าและสเปคเครื่อง
ประมาณ 1 ปีที่แล้ว เมื่อทางแบรนด์ได้ออกตัว Caliburn G มา ก็เป็นที่นิยมยอดฮิตกันอย่างหนาหู จนมาถึงตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่จะอัพเกรดซักที!
สำหรับรุ่นใหม่ล่าสุด Caliburn G2 ซึ่งในหลายปีที่ผ่านมาต้องบอกเลยว่าทางแบรนด์ Uwell นั้นก็มีชื่อเสียงมากจากหลายๆ รุ่นที่ออกมา จนมาถึงปี 2018 ที่เป็นปีของบุหรี่ไฟฟ้าแบบ Pod System ทางแบรนด์ก็ไม่ได้รอช้า โดยได้ออกตัว Caliburn รุ่นแรกออกมา ซึ่งแตกต่างจากรุ่นอื่นๆ ในตลาด อย่างเห็นได้ชัด
โดยคำว่า Caliburn นั้นมาจากภาษาลาติน Caliburnus ซึ่งมีความหมายที่เกี่ยวข้องกับกษัตริย์อาเธอร์ตำนานนักดาบกับสุดยอดดาบ Excalibur ที่เรารู้จักกันนั่นเอง เรามาดูกันว่าตำนานความยิ่งใหญ่นี้จะส่งมาถึง Caliburn G2 ยังไงกันบ้าง
Specification
- Material PA (Nylon plastic), Aluminium Alloy
- Size 110.5 x 22.5 x 13mm
- Net weight 36g
- E liquid capacity 2ml
- Output power 18W
- Coil specification UN2 meshed 1.2ohm Caliburn G2 coil, UN2 meshed 0.8ohm Caliburn G coil
- Battery capacity 750mAh
Package Contents
- Caliburn G2 pod kit
- UN2 1.2ohm mesh G2 coil (pre installed)
- UN2 0.8ohm mesh G coil
- Type C USB charging cable
- User Manual
- Demo card
- Warning card
ข้อมูลพื้นฐาน
ต้องบอกเลยว่าการพัฒนาของแบรนด์ Uwell นั้นทำได้อย่างชาญฉลาดมาก ทั้งในแง่ของรูปทรงที่ให้ความรู้สึกคลาสสิคอยู่เสมอ จะมีการผสมผสานในเรื่องของดีไซน์ นับตั้งแต่รุ่น Koko, Koko Prime จนมาถึงรุ่นล่าสุดก่อนหน้านี้ Caliburn AK2 ซึ่งก็ไม่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับ Caliburn G2 ที่ก็ถอดแบบตามกันมาเลย
ในเรื่องของน้ำหนักและในแง่ของการพกพาที่สะดวกมาก (น้ำหนักเพียง 36กรัม เท่านั้น) รวมถึงปุ่มจ่ายไฟและตัวไฟ LED ที่แสดงผลก็อยู่ในจุดเดียวกัน รุ่นนี้จะปรับไฟได้สูงสุดที่ 18w และมีทั้งระบบแบบกดสูบ และ Auto Draw (สูบโดยไม่ต้องกด)
โดยดูเผินๆ แล้วอาจจะดูไม่แตกต่างจาก Caliburn G รุ่นก่อนที่ออกมา แต่อย่าพึ่งด่วนตัดสินไป เพราะทางเราขอบอกเลยว่า Caliburn G2 มีอะไรที่เซอไพรส์คุณแน่นอน โดยจะว้าวขนาดไหน ไปดูกันต่อได้เลย
ตัวเครื่อง
อย่างนึงที่ทางเราชอบมากสำหรับแบรนด์นี้คือเค้าใส่ใจในเรื่องรายละเอียดอย่างดี อย่างในส่วนของตัว package ก็จะมีใบ Demo Card ที่จะอธิบายถึงการใช้งานในขั้นพื้นฐาน ซึ่งเหมาะมากสำหรับผู้ใช้หลายๆ คน ที่อาจจะพึ่งเริ่มสูบใหม่ อาจจะยังไม่คุ้นเคยกับการใช้งาน ก็จะได้มีข้อมูลสำหรับการใช้งานในเบื้องต้น
และอย่างที่พูดไปในตอนต้นในส่วนของดีไซน์ รูปทรงและน้ำหนัก โดยภาพรวมเราจะเห็นว่าได้ถอดแบบมาจาก Caliburn G เลย แต่ใน Caliburn G2 นั้น จะมีเพิ่มในส่วนของช่องน้ำยา ที่จะทำให้เราได้เห็นถึงระดับน้ำยาที่มีในแท้งค์ได้ ซึ่งรุ่นก่อนหน้านี้จะไม่มี ส่วนตัวทางเรามองว่ามีประโยชน์มาก เพราะมันช่วยให้เราไม่ต้องถอดหัวแท้งค์ออกมาบ่อยๆ เพื่อเช็คถึงระดับน้ำยาที่มีอยู่ และในส่วนของตัวเครื่องก็จะมีความทนทานอย่างที่ทราบกันอยู่แล้ว เพราะได้ผ่านการทดสอบมาอย่างดี (ตกจากที่สูงประมาณนึง) ส่วนตัวผู้เขียนได้ใช้รุ่นนี้อยู่แล้ว และได้มีการทำตกมาหลายครั้งมากสำหรับซีรีย์ Caliburn G ซึ่งก็ยังใช้งานได้ปกติ ถือว่าทนทานมาก และแน่นอนว่า Caliburn G2 ก็จะทนทานเช่นกัน
โดยรุ่นใหม่นี้จะมีมาทั้งหมด 6 สีด้วยกัน มี 1. Carbon Black 2. Gradient 3. Pyrrole Scarlet 4. Cobalt Green 5. Shading Grey 6. Ultramarine Blue ซึ่งเป็นสีที่คุ้นเคยกันอยู่แล้วสำหรับซีรีย์ Caliburn โดยเป็นโทนสีที่โดดเด่นสะดุดตา
ตัวพอตและคอยล์
สำหรับพอตและคอยล์รุ่นนี้จะสามารถใช้ตัวเดียวกันกับ Caliburn G ได้ ซึ่งถ้าใครเคยใช้ Caliburn G มาก่อนอยู่แล้วจะทราบดีว่าเรื่องกลิ่นนั้นถือว่าสุดในรุ่นแล้ว
แต่ในส่วนของหัวพอตนั้นจะมีแบบใหม่ที่ออกมาเฉพาะของ Caliburn G2 เลย คือรูปทรงและรูปากสูบจะดูคล้ายกับตัว Caliburn A2 แต่จะกว้างกว่า แน่นอนว่าจะให้ทำให้ลมผ่านเข้ามาเต็มมากขึ้น มีผลต่อเรื่องฟิลสูบ และกลิ่นโดยตรงอย่างไม่ต้องสงสัย ในส่วนของตัวล้อคของพอต อย่างที่หลายๆ คนอาจจะพบปัญหาบ้าง ในส่วนของ Caliburn A2 เพราะว่ามันเป็นแบบแม่เหล็ก ทำให้อาจจะหลุดออกมาได้ แต่รุ่นนี้เค้าใช้เป็นแบบเกียวล้อค อาจจะดูหลวมนิดหน่อย แต่การใช้งานบอกเลยว่าดีกว่า ปัญหาน้อยกว่าด้วย
และยิ่งพิเศษกว่านั้นอีกคือสำหรับ Caliburn G2 นั้นจะมีคอยล์รุ่นใหม่ที่ออกมาเพิ่มเป็นตัว UN2 1.2 ohm Meshed Coil โดยหลังจากที่ทางเราได้ทำการเทสคอยล์ตัวใหม่นี้ กับน้ำยาฟรีเบส นิค6 และสัดส่วน PG 50 VG 50 นั้นก็ให้ฟิลตามคาดเลย คือมีความชัด รีดกลิ่นได้ดีขึ้นมาก คือท้อปโน้ตของตัวกลิ่นที่ได้จากน้ำยาชัดเจนมาก ซึ่งดีทั้งแบบกดสูบ และ Auto Draw เลย โดยถ้าสูบแบบกดปุ่มจะยิ่ง Boost ทำให้ได้กลิ่นที่ชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก
ในส่วนของควันอาจจะไม่ได้ดูหนามาก แต่ก็ยังเป็นที่น่าพอใจ และไม่มีในส่วนของเสียงรบกวนระหว่างการสูบเลย โดยถ้าสูบสไตล์ DL ก็จะได้ความรู้สึกแน่น สูบแล้วอิ่มเต็มคำมากกว่าที่เคยลองมาจากหลายๆ ตัวเลย และในส่วนถ้าสูบสไตล์ MTL ก็ทำได้ไม่แย่เลย อาจจะให้ฟิลกลิ่นที่บางกว่าขึ้นกว่าปกตินิดนึง แต่โดยภาพรวมสำหรับเรื่องคอยล์นั้นบอกเลยว่าเป็นที่น่าประทับใจมาก
รูลม
ต้องบอกเลยว่าพิเศษมากสำหรับรูลม เพราะว่ารุ่นนี้จะสามารถปรับรูลมได้ โดยจะเป็นตัวเฟืองสีแดง อยู่ที่ด้านล่างของหัวพอต ที่สามารถหมุนเพื่อปรับระดับของรูลมได้ ซึ่งหาได้ยากมากสำหรับ Pod ประเภทนี้ ก็ถือว่าเป็นจุดเด่นอีกจุดสำหรับรุ่นนี้ที่เพิ่มเข้ามา
โดยหลังจากที่เราทำการลองปรับรูลมในหลายๆ ระดับ ก็พบว่าถ้าหมุนรูลมไว้ที่ครึ่งทางพอดี ฟิลสูบที่ได้อาจจะอั้นๆ เกินไปนิดนึง โดยเฉพาะถ้าสูบสไตล์ DL เราจะรู้ได้ทันทีเลยเวลาเริ่มสูบเข้าไป ซึ่งมันจะทำให้ประสิทธิภาพของกลิ่นที่ได้ลดลงด้วย แต่ด้วยฟิลแบบนี้จะเหมาะกับผู้สูบหน้าใหม่ที่ให้ฟิลที่สูบง่ายและไม่แทงคอมากเกินไป เพราะถ้าตัวกลิ่นและควันมาเต็มในทีเดียวและสูบสไตล์ DL หรือแม้แต่ MTL อาจจะทำให้สำลักหรือแทงคอได้สำหรับผู้สูบใหม่
แบตเตอรี่
บุหรี่ไฟฟ้า Caliburn G2 จะมีแบตในตัวขนาด 750mAh ซึ่งอยู่ได้นานมากถึง 12 ชั่วโมงเลยทีเดียว ส่วนนี้ถือว่าทำออกมาได้ดี และต่อการชาร์จ 1 ครั้งก็ใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง เท่านั้นเอง ใช้เป็นหัวชาร์จแบบ Type -C โดยจะมีไฟ LED แสดงสถานะของแบตเตอรี่ตามนี้
- สีเขียว 60-100%
- สีน้ำเงิน 30-60%
- สีแดง 0-30%
การเติมน้ำยา
วิธีเติมน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้านั้น รุ่นนี้ก็จะเหมือนกับ Caliburn รุ่นก่อนๆ โดยให้เปิดตัวปากสูบออก (แรกๆ อาจจะต้องออกแรงบิดซักหน่อย) จากนั้นจะเห็นจุกซิลิโคนสีแดงก็ให้เราใส่น้ำยาเข้าไปได้เลย เสร็จแล้วก็ปิดปากสูบกลับเข้าไปเป็นอันเสร็จเรียบร้อย
มีรั่วมั้ย?
บุหรี่ไฟฟ้า Caliburn G2 นั้น ถ้าใครเคยใช้ Caliburn G จะรู้เลยว่ารุ่นนี้เรื่องการรั่วซึมแทบไม่มีเลย และด้วยหัวพอตที่ไม่ได้เป็นแบบแม่เหล็กด้วยแล้วยิ่งทำให้ปัญหาในส่วนนี้น้อยลงไปอีก จะมีนิดหน่อยก็ตรงในส่วนของที่ปรับระดับรูลมที่ให้มา ที่อาจจะทำให้มีการรั่วบ้าง (น้อยมาก)
การใช้งาน
ในส่วนของการใช้งานก็ไม่ซับซ้อนตามแบบฉบับของ Caliburn อยู่แล้ว โดยแค่กดปุ่มปล่อยไฟ 5 ครั้ง เพื่อเปิด / ปิด ตัวเครื่อง โดยจะมีระบบสูบ 2 โหมด คือ
1. Auto Draw (สูบแบบไม่ต้องกดปุ่ม)
2. Button (กดปุ่มเพื่อทำการสูบ)
โดยในส่วนของระบบ Auto Draw ของรุ่นนี้จะมีความพิเศษกว่ารุ่นก่อนคือมัน Sensitive ขึ้น หลังจากที่ทางเราได้เทสบอกเลยว่าฟิลมันมาตามปากเวลาที่สูบเลย คือถ้าลองเอารุ่นก่อนมาเปรียบเทียบกันดู จะรู้ได้ทันทีถึงฟิลที่แตกต่างกันเลย ตัวควันและกลิ่นจะมาพร้อมๆ กันให้ฟิลที่ smooth ขึ้นมาก ยอมรับเลยว่าส่วนนี้ทางแบรนด์เค้าพัฒนามาดีจริงๆ
ข้อดี
- พกพาสะดวก มีน้ำหนักเบา
- กลิ่นชัด / ควันเยอะ (จากคอยล์ตัวใหม่ 1.2 Ohm Mesh Coil)
- มีช่องแสดงระดับน้ำยาในแท้งค์
- ระบบสูบแบบ Auto Draw ที่มีประสิทธิภาพ
- แบตเตอรี่ทนนาน
- หัวชาร์จ Type-C ที่ชาร์จได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ข้อเสีย
- มีการรั่วซึมเพียงเล็กน้อยจาก Airflow ใต้หัวพอต
- ปากสูบอาจจะดูแปลกตาสำหรับการเติมน้ำยา
- น่าจะมีไฟ LED แสดงผลทั้งสองด้าน
สรุป
โดยรวมแล้วสำหรับบุหรี่ไฟฟ้า Caliburn G2 นั้น ภาพรวมก็ให้ผลลัพธ์ที่เกินคาดไปในหลายๆ ด้าน ทั้งในเรื่องของกลิ่นและควันที่ได้คือดีมาก และด้วยคอยล์ตัวใหม่ 1.2 Ohm นั้น ก็ถือว่าเป็นพระเอกของตัวนี้เลย ซึ่งจากประสบการณ์ที่เห็นมาของทางแบรนด์ Uwell ก็รู้สึกว่าเค้า Balance ในส่วนของแบตเตอรี่และค่าโอมห์ของคอยล์ได้พอดีพอเหมาะมาก
และในส่วนที่เราเห็นคือในระบบ Auto Draw รุ่นนี้อีก ที่ให้ฟิลสูบที่ดีบวกกับเทคโนโลยี FOCS tech ของทางแบรนด์อีกที่พอรวมกันแล้ว มันลงตัวมาก ซึ่งข้อดีต้องให้จริงๆ เพราะว่า รู้สึกถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนเลย หลังจากได้ลองเปรียบเทียบดูกับรุ่นก่อนๆ แล้ว
แน่นอนในส่วนที่ขัดใจอาจจะมีบ้าง เช่น ตัว Airflow ที่ปรับระดับได้ที่อยู่ด้านล่างหัวพอต อาจจะยังไม่ได้ให้ประสิทธิภาพมากเท่าที่ควร ซึ่งทางเราก็หวังว่าในรุ่นถัดๆ ไป น่าจะพัฒนาไปได้อีก ฉะนั้นหากคุณเป็นแฟนตัวยงของแบรนด์นี้ หรือซีรีย์ Caliburn G ก็ตาม หรือว่าคุณอาจจะอยากหาพอตบุหรี่ไฟฟ้าเริ่มต้นซักตัว Caliburn G2 ก็เป็นตัวเลือกที่ถือว่าท้อปสุดในรุ่นอีกตัวในตลาด ที่คุณสามารถเป็นเจ้าของได้ ด้วยราคาและคุณภาพที่ได้นั้นคำเดียวคือ "คุ้มค่า" แน่นอน
ยังไงก็ตามเพื่อนๆ ที่มีประสบการณ์การใช้งานรุ่นนี้มาแล้ว ก็สามารถมาร่วมแสดงความคิดเห็นที่ใต้โพสนี้ได้เลย